รพ.สัตว์โอะไดจินิ | เปิด 24 ชั่วโมง

เลือกอาหารอย่างไรให้น้องหมาตัวโปรด  


เลือกอาหารอย่างไรให้น้องหมาตัวโปรด  

        มักมีคำถามเป็นประจำอยู่เสมอว่าจะเลือกอาหารอย่างไรดีให้กับน้องหมาของเรา  ต้องให้กินอาหารอย่างไร?  กินอาหารชนิดนี้ดีหรือเปล่า?  หรือที่บ้านเลี้ยงหลายตัวกินเหมือนๆ กันได้หรือไม่?  เนื่องจากอาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับการเลี้ยงสุนัข รวมทั้งในปัจจุบันมีอาหารมากมายในท้องตลาดให้เลือกซื้อเลือกสรรกัน คุณเจ้าของหลายๆ ท่าน ก็คงจะมีปัญหาในการเลือกกันใช่มั้ยคะ ว่าควรจะเลือกอาหารอย่างไรให้เหมาะสม มีคุณค่าทางโภชนการครบถ้วน และมีประโยชน์สำหรับน้องๆ เจ้าตูบที่บ้าน  แต่ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันเบื้องต้นกันก่อน ว่าน้องหมาแต่ละตัวมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกอาหารให้น้องหมาแต่ละตัวนั้นย่อมมีความแตกต่างกันตามไปด้วยคะ โดยสิ่งสำคัญๆที่เราต้องใส่ใจในการเลือกอาหาร ได้แก่

  1. ช่วงอายุ
  2. ขนาดและสายพันธุ์
  3. กรณีที่น้องหมาป่วยหรือมีภาวะโรคต่างๆ

อายุของน้องหมามีความสำคัญอย่างไร ?

  1. ลูกหมา (ช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิด-1ปี)  เป็นช่วงแรกของชิวิตที่เจ้าของควรให้ความสำคัญนะคะ เนื่องจากเป็นช่วงของการเจริญเติบโต มีคนบอกว่าถ้าตึกสร้างฐานไม่ดี จะแข็งแรงได้อย่างไร การให้อาหารลูกสุนัขเพื่อการเจริญเติบโตก็เช่นกันนะคะ โดยช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการพัฒนาของระบบต่างๆของร่างกาย ทั้งระบบภูมิคุ้มกันโรค  สมอง  ข้อต่อและกระดูกต่างๆ เป็นหลัก ดังนั้นควรมีสารอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต  กรดไขมันจำเป็น  วิตามินต่างๆ ค่อนข้างสูง รวมถึงเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายปลอดภัยต่อระบบทางโดนอาหารอีกด้วย แต่ในช่วงสุนัขแรกเกิดอาจจะต้องพิถิพิถันกันมากหน่อยนะคะ อาหารที่ให้อาจจะต้องเป็นอาหารที่ค่อนข้างทานง่าย  และย่อยง่าย อาจให้เป็นอาหารเม็ดผสมน้ำ หรืออาหารเหลวจะดีกว่าคะ
  2. น้องหมาโต  เป็นช่วงที่สุนัขยังคงต้องการพลังงานและการเจริญเติบโตอยู่คะ แต่อาจจะน้อยกว่าช่วงแรก ดังนั้นยังคงมีความต้องการของโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตอยู่ แต่อาจจะน้อยกว่าในลูกหมา เพื่อช่วยในการควบคุมน้ำหนักไปอีกทางด้วย นอกจากนั้นน้องหมาในช่วงอายุนี้อาหารที่ให้อาจจะเพิ่มในส่วนของสารต้านอนุมูลอิสระ  เช่น  วิตามินอี  วิตามินซี  เพื่อช่วยชะลอการเสื่อมของร่างกาย ที่กำลังจะกลายเป็นน้องหมาสูงวัยนั่นเอง ทั้งนี้ยังรวมถึงช่วยรักษาสมดุลต่างๆ ของร่างกาย อาจมีการเสริมในเรื่องการบำรุงผิวหนังและเส้นขนให้มีความแข็งแรงและสวยงามไปด้วยได้นะคะ เพราะน้องหมาช่วงนี้กำลังโตและกำลังสวยให้เจ้าของพาไปอวดใครๆ ได้เลยนะคะ  
  3. น้องหมาสูงวัย เป็นน้องหมาช่วงที่การทำงานของร่างกายเริ่มลดลง ก็เหมือนกับคนสุงวัยนั้นละคะ  ดังนั้นความต้องการโปรตีนของคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแหล่งพลังงานก็จะน้อยลง  เพื่อช่วยในควบคุมน้ำหนักและยังสามารถลดความเสี่ยงต่างๆ ในการเกิดของโรคที่เพิ่มขึ้นตามอายุไปด้วยนะคะ  เช่น  โรคไต  หัวใจ  นิ่ว เป็นต้นค่ะ แต่อาจจะยังมีในส่วนของกรดไขมันจำเป็นอยู่บ้างเพื่อช่วยในเรื่องการบำรุงประสาท  เส้นขน  นอกจากนี้ในน้องหมาที่มีอายุเยอะอาจมีการเสริมในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระให้มากขึ้น  และสารอาหารช่วยบำรุงและลดโอกาสการเกิดโรคข้อเสื่อม  และใยอาหารเพื่อช่วยในการขับถ่ายอีกด้วยนะคะ

ขนาดและสายพันธุ์น้องหมาเกี่ยวกับเลือกอาหารอย่างไร ?

        เพราะในปัจจุบันความหลากหลายในการเลื้ยงสุนัขมีมากขึ้น  การเลือกอาหารก็ควรคำนึงถึงขนาดและสายพันธุ์ตามไปด้วยคะ เนื่องจากโครงสร้างทั้งภายในและภายนอกของน้องหมา รวมทั้งพฤติกรรมและกิจกรรมของแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกัน  ความต้องการของสารอาหารจึงย่อมมีความแตกต่างกันตามไปด้วย โดยจะขอแบ่งน้องหมาตามขนาดสายพันธุ์ ดังนี้นะคะ

  1. น้องหมาขนาดเล็ก และพวกสายพันธุ์จิ๋ว เช่น ชิวาวา  พุดเดิ้ล  ชิสุห์  ปอมเมอเรเนียน  แจ๊ครัสเซล  เป็นต้น  น้องหมาพันธุ์เหล่านี้จะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 4-10 กิโลกรัมค่ะ และจะโตเต็มวัยในช่วงประมาณ 10 เดือน มักเป็นน้องหมาที่เลี้ยงในบ้าน และค่อนข้างกินยากและเลือกกิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับการดูแลของเจ้าของด้วยนะคะ ดังนั้นควรจะเลือกอาหารที่เหมาะสม ถึงแม้ว่าจะเห็นว่าเป็นสุนัขขนาดเล็ก แต่ความต้องการสารอาหารไม่ได้เล็กไปด้วยเลย  น้องหมาเหล่านี้ก็ต้องการสารอาหารจำพวกโปรตีนและพลังงานที่ค่อนข้างสูงเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ เนื่องจากเป็นน้องหมาขนาดเล็กขนาดของอาหารก็ควรจะต้องเล็กตามไปด้วย เพราะน้องหมาเหล่านี้ปากเล็ก ความสามารถในการอ้าปากก็ค่อนข้างน้อยไปด้วย  และเพื่อสุขภาพที่ดีของฟันอาหารควรมีส่วนประกอบในการลดการสะสมของหินปูนเพื่มเข้าไปด้วยจะเป็นการดียิ่งขึ้นเลยค่ะ

  2. น้องหมาขนาดกลาง เช่น บีเกิ้ล บลูด็อก ชาเป่ย  บาสเซ็ทฮาวน์  คอกเกอร์ เป็นต้น   เป็นน้องหมาพันธ์ที่ชอบมีกิจกรรมนอกบ้าน ความต้องการของสารอาหารจึงต้องเหมาะสมและสมดุล น้ำหนักของหมาขนาดนี้จะอยู่ที่ประมาณ 11-25 กิโลกรัม รวมถึงเป็นสุนัขที่มีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนค่อนข้างสูงนะคะ ดังนั้นอาหารที่เลือกอาจจะต้องมีปริมาณและสารอาหาร ควบคู่ไปกับการออกกำลัง เพื่อควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมไปในตัวด้วยคะ  นอกจากนั้นน้องหมาเหล่านี้ควรได้รับสารอาหารที่ช่วยบำรุงขน และผิวหนังเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความแข็งแรง และความสวยงามอีกด้วยค่ะ

  3. น้องหมาขนาดใหญ่ และใหญ่มาก เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์  เยอรมันแชพเพิร์ด  เซนต์เบอร์นาร์ด  พิทบูล เป็นต้น   น้องหมาพันธุ์เหล่านี้มักจะมีขนาดใหญ่ และแน่นอนคะ น้ำหนักก็จะต้องมากตามไปด้วยอย่างแน่นอน  ดังนั้น สิ่งที่ต้องระมัดระวังและคำนึงถึงสำหรับน้องหมาพันธุ์เหล่านี้คือเรื่องของน้ำหนักที่ควรควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับโครงสร้างร่างกาย เพราะถ้าอ้วนขึ้นมา ปัญหาต่างๆ ตามมาแน่นอนคะ  สารอาหารที่ได้ควรจะต้องมี พวกที่เสริมการทำงานของกระดูกและข้อต่ออย่างพวกกลูโคซามีนเป็นพิเศษ เพื่อเสริมสร้างกระดูกและข้อให้ช่วยในเรื่องการรับน้ำหนักที่มากขึ้น อาจจะมีการเพิ่มสารอาหารในเรื่องการบำรุงขน และการทำงานของระบบทางเดินอาหารเพื่อช่วยในการย่อยและการขับถ่ายเพิ่มไปด้วยค่ะ



กรณีที่น้องหมาป่วย หรือมีภาวะโรคต่างๆ 

        อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นนะคะ ในน้องหมาที่มีโรคหรือภาวะที่ควรจะต้องดูแลเรื่องอาหารเป็นพิเศษ เหตุผลที่เราควรคำนึงสำหรับน้องหมาในกลุ่มนี้ คือ หากเราสามารถเลือกอาหารให้เหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ อาจเป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อการพัฒนาของปัญหานั้นๆ  และทำให้คุณภาพชีวิตของน้องหมาดีขึ้นได้ค่ะ  ตัวอย่างของโรคหรือภาวะที่ควรจะต้องดูแลเรื่องอาหารเป็นพิเศษ เช่น 

  1. โรคไต  สารอาหารที่เราควรให้ความสำคัญสำหรับน้องหมากลุ่มนี้ คือ 
    1. โปรตีน เราควรมีการควบคุมหรือจำกัดปริมาณของโปรตีนให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อลดการทำงานของไตในการกำจัดของเสียที่ได้จากการใช้สารอาหารกลุ่มนี้ค่ะ 
    2. โซเดียม หรือจะเรียกง่ายๆ คือส่วนประกอบที่มีความเค็ม หรือเกลือ  ควรลดปริมาณลง เพื่อช่วยชะลอภาวะการสะสม  บวมน้ำ  ที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งสามารถลดภาวะความดันเลือดสูงได้อีกด้วย
    3. เสริมส่วนประกอบของอาหารที่มีโอเมก้า 3 และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีอยู่ในอาหารจำพวกปลา เพื่อช่วยลดการอักเสบและเพิ่มอัตราการกรองของไตได้ค่ะ
  2. โรคระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย หรือ ท้องผูก ก็ต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันไป ในกรณีของท้องเสีย สภาพระบบทางเดินอาหารของน้องหมาอาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่ จากความผิดปกติที่เกิดขึ้น ดังนั้น อาหารที่ควรให้ควรเป็นส่วนประกอบที่ย่อยง่าย มีโปรตีนที่สามารถดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย และมีพลังงานสูงเพื่อช่วยฟื้นฟูหลังการป่วยของสัตว์ แต่ในส่วนของท้องผูกอาจต้องการปริมาณไขมันหรือพลังงานที่ต่ำกว่า แต่อาจจะต้องการใยอาหารที่ค่อนข้างสูงแทนค่ะ
  3. โรคผิวหนังอักเสบ หรือภูมิแพ้อาหาร น้องหมากลุ่มนี้ ค่อนข้างตอบสนองไวต่ออาหาร  มีโอกาสแพ้โปรตีนหรือคาร์โบไฮเดรตที่เป็นส่วนประกอบในอาหารได้ ดังนั้น ควรพิจารณาเลือกอย่างเหมาะสม ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ค่ะ

        วันนี้จะขอยกตัวอย่างให้เห็นเป็นภาพคร่าวๆ นะคะ ยังมีอีกหลายโรค ที่เจ้าของควรหันมาใส่ใจและดูแลเรื่องอาหารการกินของน้องหมา เช่น โรคอ้วน  ภาวะการเกิดนิ่ว  โรคตับ  โรคเบาหวาน  เป็นต้น จะเห็นว่าบางครั้งการเตรียมอาหารของน้องหมาที่มีภาวะโรคอื่นแทรกซ้อน อาจจะค่อนข้างยุ่งยากซักหน่อย  หากเจ้าของบางคนไม่สะดวกอาจหันมาเลือกเป็นอาหารสำเร็จรูปที่ใช้ประกอบการรักษาโรคแทนได้ค่ะ เพื่อความแน่ใจก่อนการเลือกอาหาร หากมีปัญหาใดใดสงสัย สามารถขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ประจำตัวน้องหมาก่อนได้จะดีที่สุดค่ะ 



Written by Webmaster
Published on 17 July 2015
สพ.ญ.นนท์นฤน เกิดสุข
สพ.ญ.นนท์นฤน เกิดสุข
อายุรกรรมทั่วไป
ผู้สนับสนุนบทความ
• ด้านล่างเป็นเพียงส่วนของการคอมเม้นบทความเท่านั้น หากท่านต้องการสอบถามปัญหาสุขภาพสัตว์เลี้ยง กรุณาเข้าไปที่ http://www.facebook.com/odaijinipet และส่งข้อความเข้าสอบถามใน Inbox ท่านจะได้การตอบกลับโดยเร็วที่สุด และหากเป็นเรื่องเร่งด่วนอยากได้คำตอบโดยเร็วโทรสอบถามได้ที่ 02-9485099 ขอบคุณค่ะ :)